วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561

4. วัดป่าภูก้อนสถานที่ท่องเที่ยวที่มาเยือนอุดรธานีแล้วห้ามพลาด!!

 วัดป่าภูก้อนสถานที่ท่องเที่ยวที่มาเยือนอุดรธานีแล้วห้ามพลาด!!





วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี อันเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย กำเนิดขึ้นจากการดำริชอบของพุทธบริษัทสี่ ผู้ตระหนักถึงคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำลำธาร ซึ่งกำลังถูกทำลาย
โดยในปี พ.ศ. 2527 พระเดชพระคุณหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้เมตตาปรากฏในทิพยนิมิต สั่งให้ไปธุดงค์ทางภาคอีสานเป็นเวลา 10 วัน คุณปิยวรรณและคุณโอฬาร วีรวรรณ พร้อมคณะได้เดินทางมาธุดงค์แถบจังหวัดสกลนครและอุดรธานี เกิดความเลื่อมใสในปฏิปทาของพระป่า จึงได้เข้าช่วยเหลือท่านพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก สำนักสงฆ์บ้านนาคำน้อย ในการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจัดตั้งเป็นวัดป่านาคำน้อย และปลูกป่าทดแทนฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมกว่า 750 ไร่ อย่างถูกต้องตามระเบียบของกรมป่าไม้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมและอยู่อาศัยของพระสงฆ์ จากนั้นท่านพระอาจารย์อินทร์ถวายได้พาไปดูป่าภูก้อนที่กำลังถูกสัมปทานตีตรา ตัดไม้ คณะศรัทธาจึงได้ตัดสินใจสร้างวัด โดยกราบอาราธนาท่านพระอาจารย์ชาลี ถิรธัมโม (ปัจจุบันเป็นพระครูจิตตภาวนาญาณ) เป็นประธานและขวัญกำลังใจในการก่อสร้าง และได้ทำเรื่องขอใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาตินายูง-น้ำโสม เพื่อสร้างวัดในเนื้อที่ 15 ไร่ จากกรมป่าไม้ จนได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2530 ต่อมาได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกรมการศาสนา จนได้รับอนุญาตให้สร้างวัดในวันที่ 3 กรกฎาคม 2530 และมีประกาศกระทรวงศึกษาธิการตั้งเป็น 'วัดป่าภูก้อน' ขึ้นในพระพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2530
เพื่อรักษาบริเวณวัดให้คงสภาพป่าอย่างสมบูรณ์ คณะศรัทธาจึงพยายามอย่างหนักที่จะขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่ โดยรอบวัดด้วย ด้วยความเมตตากรุณาเป็นที่สุดของผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณหลายท่านในกระทรวงเกษตร และสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทย อันได้แก่ ท่านปลัดเถลิง ธำรงนาวาสวัสดิ์ ท่านปลัดจุลนภ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ท่านปลัดอนันต์ อนันตกูล ท่านอธิบดีจำนงค์ โพธิเสโร ที่เห็นคุณค่าของป่าและความตั้งใจจริงของคณะศรัทธาที่จะรักษาป่า จึงได้สนับสนุนช่วยเหลือจนเป็นผลสำเร็จ จนในที่สุดในวันที่ 22 มิถุนายน 2531 ได้รับหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อจัดตั้งพุทธอุทยานมีเนื้อที่ 1,000 ไร่ และได้รับขนานนามว่า 'พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน' ภายหลังยังได้รับความสนับสนุนจากอธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมชลประทาน ท่านต่อๆ มา ตลอดจนท่านผู้ใหญ่ในกรมตำรวจ กองทัพบก กองทัพอากาศ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การโทรศัพท์ อีกหลายท่าน
วัดป่าภูก้อนได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในวันที่ 7 มิถุนายน 2532 คณะศรัทธาจึงได้พร้อมใจกันจัดงานฝังลูกนิมิต โดยได้รับเกียรติจากท่านจุลนภ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธีตัดลูกนิมิตและผูกพัทธสีมา ณ วัดป่าภูก้อน เมื่อวันที่ 13-14 มกราคม 2533 และรวบรวมปัจจัยในงานจัดตั้งมูลนิธิ 'ปิยธรรมมูลนิธิ' ขึ้น เพื่อเกื้อกูลพระภิกษุสามเณรในวัดและงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ ในท้องถิ่น
พุทธอุทยานแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่ธุดงควัตรของพระ นวกะ จากโรงเรียนนายร้อยทั้ง 4 เหล่าทัพ ซึ่งอุปสมบทในภาคฤดูร้อน โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดเกล้าฯ บรรพชาที่วัดบวรนิเวศฯ แล้วประทานอนุญาตให้มาอบรมกรรมฐานที่วัดป่าภูก้อน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 เป็นเวลา 5 ปี ติดต่อกันมา
ปัจจุบันนี้วัดมีศาลาอุโบสถ 2 ชั้น 1 หลัง ซึ่งเป็นที่ประกอบพิธีสงฆ์ชั้นบนและเป็นที่ฉันชั้นล่าง มีกุฏิพระ 45 หลัง เรือนครัว 1 หลัง เรือนพักฆราวาส 6 หลังถังเก็บน้ำคอนกรีต 20 ถัง และห้องน้ำจำนวนมาก โดยใช้ระบบประปาภูเขา จากฝายเก็บน้ำดินขนาดเล็กที่เป็นแหล่งต้นน้ำซับและน้ำตกในวัด ซึ่งต่อมากรมชลประทานได้บูรณะถวายให้แข็งแรงถาวรในปี 2538 และวัดยังได้ต่อระบบประปาไปถึงหมู่บ้านนาคำที่อยู่ห่างจากวัดไป 4 กม. เพื่อให้ชาวบ้านมีแหล่งน้ำใช้อย่างสะดวกและสะอาด
ด้วยความสง่างามและความศักดิ์สิทธิ์ของอาณาเขตพุทธอุทยาน และป่าสงวนแห่งชาติบนเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ที่กรมป่าไม้ได้ให้วัดป่าภูก้อนช่วยดูแลงานด้านป่าไม้ (เพิ่มขึ้นจากพื้นที่พุทธอุทยานเดิมอีก 2,000 ไร่) เพื่อรักษาป้องกันไฟป่าและการบุกรุกทำลายป่าล่าสัตว์ วัดป่าภูก้อนจึงเป็นที่สงบสัปปายะ วิเวกควรแก่การบำเพ็ญภาวนารักษากายวาจาและจิตใจในกรรมฐานเป็นที่สุด ดังมีผู้ได้พบเห็นหลักฐานความอัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งนี้อยู่เสมอ คณะศรัทธา จึงร่วมกันดำริสร้างพระมหาเจดีย์ นามว่า "พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์" โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานในสถานที่อันสมควรเพื่อสักการะบูชา และแสดงกตัญญูกตเวทิตาแด่คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และบุรพอาจารย์กรรมฐานในแถบอีสาน ทั้งยังเป็นมงคลสถานที่พุทธศาสนิกชน จะได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของป่าไม้อันให้ประโยชน์ทั้งทางโลกและทาง ธรรม เป็นที่ปฏิบัติขัดเกลาจิตใจ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวอีสาน ซึ่งควรร่วมกันส่งเสริมรักษาอย่างจริงจังตลอดไป
องค์พระมหาเจดีย์แห่งนี้ เป็น 1 ใน "โครงการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542" และได้อัญเชิญตราสัญลักษณ์ และพระรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประดิษฐานภายในองค์พระมหาเจดีย์ด้วย
ในโอกาสนี้ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยได้กราบทูลอัญเชิญเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกศ "พระร่วงรุ่งโรจน์ศรีบูรพา" พระประธานหน้าองค์พระมหาเจดีย์ ทรงลงพระนามาภิไธยและปลูกต้นสาละไว้ เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2544 และวัดป่าภูก้อนยังได้รับมอบประกาศนียบัตรจากกรมป่าไม้ เป็นวัดอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ดีเด่น ระดับจังหวัดประจำปี 2544 ประเภทดูแลรักษาป่าดั้งเดิม ตั้งแต่ 501 ไร่ขึ้นไป
ในปัจจุบันนี้ วัดป่าภูก้อนดำรงคงอยู่ด้วยความสมดุลของป่าไม้ที่ทวีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นทุก คืนวัน โดยบุคคลผู้มีความศรัทธาและระลึกคุณของสรรพสิ่งทั้งหลายของชาติและแผ่นดิน อันเป็นที่กำเนิดแห่งชีวิต โดยมีคุณพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องสำนึก และมีพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่ชาวไทยทุกคนควรทดแทน เป็นกำลังใจส่งเสริมพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบให้ดำรงปฏิปทาของพระป่า กรรมฐานเพื่อบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จนถึงที่สุด

 


3. บ้านเชียง สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอุดรธานี

 บ้านเชียง สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอุดรธานี!!



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ [hkog=up' 
เมื่อพูดถึง บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี หลายคนคงนึกถึงสถานที่ได้ร่ำ เรียนในประวัติศาสตร์ แต่มีหลายคนยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับบ้านเชียง วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยขอเสนอเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง แหล่งโบราณคดีที่สำคัญของประเทศไทยอีกแห่งหนึ่ง ส่วนที่นี่จะมีความสำคัญกับประวัติศาสตร์อย่างไรและมีอะไรที่เราควรรู้และ ศึกษาจากแหล่งท่องเที่ยวนี้บ้างค่ะ

          พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติบ้านเชียง หรือ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นแหล่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ประมาณ 25 ไร่เศษ จัดแสดงวิถีชีวิตของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 5,000-1,400 ปีมาแล้ว และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้รับรู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปีอีกด้วย 
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ [hkog=up'
  ซึ่งร่องรอยของมนุษย์สมัยก่อนจะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่มีพัฒนาการแล้วใน หลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความรู้ความสามารถหรือภูมิปัญญา อาทิ เครื่องมือในการดำรงชีวิต และการสร้างสังคมวัฒนธรรมของมนุษย์ได้สืบเนื่องต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน ที่ครอบคลุมไปถึงแหล่งโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกกว่าร้อยแห่ง โดยมีหลักฐานอ้างอิงถึงการอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นของมนุษย์มาหลายพันปี

           ด้วย เหตุนี้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง จึงเป็นที่ยอมรับจากคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก (Unesco) ให้ขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกอันดับที่ 359 ในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2535 ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็น "แหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียง" และนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอันดับที่ 4 ของประเทศไทย ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง มีสถานที่ให้ชม 2 ส่วน คือ...

    ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้า อยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นนิทรรศการถาวร ซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดี ที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้นดิน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดี และโบราณวัตถุ โดยส่วนใหญ่เป็นภาชนะเผาที่ฝังรวมกับศพที่กลายมาเป็นโครงกระดูกในปัจจุบัน ค่ะ

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
  ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้าเป็นอาคาร ที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีต ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณ รวมทั้งโบราณวัตถุ และนิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา มาแล้วค่ะ นอกจากนั้น ภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยาย ฉายภาพยนตร์ ภาพนิ่ง และการให้บริการการศึกษาต่างอีกด้วยค่ะ
 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หุ่นขี้ผึ้ง บ้านเชียง
 รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
 โดยส่วนใหญ่แล้วนัก ท่องเที่ยวที่เดินทางจะเป็นนักโบราณคดีและบุคคลทั่วไป ที่ให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวและศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง เพราะสถานที่แห่งนี้มีหลักฐานทางโบรณคดีต่าง ๆ ล้วนแสดงให้เห็นถึงศิลปะการดำรงชีวิตของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์

           นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงโบราณวัตถุประเภทต่าง ๆ ทำจากวัสดุนานาชนิดที่ช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องสังคมและเทคโนโลยี การขุดค้นที่บ้านเชียงยังพบกระดูกสัตว์ชนิดต่าง ๆ และเปลือกหอยด้วย ซึ่งทำให้เข้าใจและอธิบายถึงวิถีทางการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ โดยหลักฐานที่พบ คือ การขวานทำจากเหล็กและกระดูกควาย ก็สรุปได้ว่ามนุษย์รู้จักการทำนาในที่ลุ่ม และมีการไถนาแล้วเมื่อ ราวเกือบ 3 พันปีมาแล้ว รวมทั้งกระดูกสัตว์ต่าง ๆ และเปลือกหอยหลายชนิด โดยนักโบราณคดีสามารถจำแนกโครงกระดูกของสัตว์เลี้ยง หรือสัตว์ที่ถูกล่ามาเป็นอาการได้เลยจากหลักฐานดังกล่าวค่ะ

2. บ้านคำชะโนด แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอุดรธานีที่ไม่ควรพลาด

 บ้านคำชะโนด
 ที่มาเยือนอุดรแล้วไม่ควรพลาด!!

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ บ้านคำชะโนด 


         คำชะโนด หรือ ป่าคำชะโนด อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวศักดิ์สิทธ์สิทธิ์ ที่ตั้งอยู่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี สถานที่แห่งนี้นอกจากเป็นสถานที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านในจังหวัดอุดรธานี และใกล้เคียงแล้ว หากแต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยการเล่าขานตำนานลี้ลับอันโด่งดัง ที่เชื่อกันว่าเป็นดินแดนของพญานาค ผืนป่าลอยน้ำ หรือความเชื่อเกี่ยวกับเมืองบาดาล วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ เดินทางไปรู้จักและสัมผัสถึงธรรมชาติอันมหัศจรรย์ หนึ่งเดียวในเมืองไทยแห่งนี้ไปด้วยกัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ บ้านคำชะโนด


         คำชะโนด หรือ ป่าคำชะโนด ตั้งอยู่ภายในพื้นที่วัดศิริสุทโธคำชะโนด ตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านทั้งในจังหวัดอุดรธานีและใกล้เคียงให้ ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ด้วยเป็นวัดที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของพญานาคและเป็นทางเชื่อมต่อ เมืองบาดาล ปกครองรักษาโดยพญานาคราชปู่ศรีสุทโธและองค์แม่ศรีปทุมมานาคราชเทวี และปกคลุมด้วยผืนป่าคำชะโนดขนาดใหญ่อยู่ทั่วบริเวณ แต่ละต้นล้วนมีอายุยาวนาน ซึ่งในประเทศไทยมีต้นคำชะโนแบบนี้เพียงที่เดียวเท่านั้น


เข้ามาด้านในของป่าคำชะโนด ตรงบริเวณศาลเจ้าปูศรีสุทโธ เราจะเห็นผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ต่างเดินทางเข้ามากราบไหว้กันไม่ขาดสาย โดยอีกด้านหนึ่งของศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ นักท่องเที่ยวจะเห็นรากต้นไทรขนาดใหญ่ ที่ชาวบ้านนิยมเข้ามากราบไหว้บูชาด้วยเช่นเดียวกัน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ บ้านคำชะโนด บริเวณ ศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ 
เมื่อเดินไปถึงป่าคำชะโนด จะเจอกับ "บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์" หรือ "บ่อคำชะโนด" ที่ตั้งอยู่กลางเกาะ มีลักษณะเป็นน้ำใต้ดินพุ่งไหลอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยลดแห่งลงเลย ระดับน้ำอยู่แค่ไหน ก็จะอยู่ระดับนั้นไม่เปลี่ยน (มีความเชื่อกันว่าเป็นประตูเชื่อมไปสู่เมืองบาดาล ที่อยู่อาศัยของพญาศรีสุทโธนาค) ทั้งยังเป็นจุดที่คนนิยมเข้ามาสรงน้ำรูปปั้นพญานาค และประชาชนส่วนใหญ่ยังน้ำใส่ขวด เพื่อเก็บกลับไปสักการะ เพราะเชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ บ้านคำชะโนด "บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์" หรือ "บ่อคำชะโนด"  
ปัจจุบัน ป่าคำชะโนด ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมนต์ขลัง ด้วยเรื่องเล่าตำนานพญานาค ซึ่งตามตำนานเชื่อกันว่า พญาศรีสุทโธนาค ผู้ขุดแม่น้ำโขงใช้ป่าคำชะโนด เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองบาดาลและโลกมนุษย์ ซึ่งบริเวณดังกล่าวคือ สะพานปูนรูปปั้นพญานาค 2 ตัว 7 เศียร และถ้าสังเกตให้ดี ๆ ตรงกึ่งกลางสะพาน จะเจอกับรอยแยก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรอยต่อระหว่างโลกมนุษย์กับบาดาลนั่นเอง
   แต่เพราะแรงศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศที่เดินทางไปยังป่าคำชะโนดกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้คณะกรรมวัดได้ออกกฎระเบียบ 6 ข้อ ได้แก่

         1. ไม่จุดธูปเทียนบูชาในป่าคำชะโนด
         2. ให้นำพานบายศรีหรือเครื่องเซ่นไหว้กลับ เพื่อเป็นการลดขยะ
         3. ไม่โยนเหรียญลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์  
         4. งดปล่อยปลาและสัตว์น้ำลงไปในแหล่งน้ำ
         5. ไม่ผูกผ้าแพร 7 สี
         6. ไม่ทาแป้งหรือขัดถูต้นไม้

         การเดินทางมายังป่าคำชะโนด         ขับมาตามเส้นทางหลวงหมายเลข 22 (อุดรธานี-สกลนคร) ขับตรงไปเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่เขตพื้นที่บ้านหนองเม็ก หลังจากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอบ้านดุง เป็นระยะทาง 9 กิโลเมตร ไม่นานก็จะถึงป่าคำชะโนด (ป่าคำชะโนดเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.)
 

  

1 เที่ยวน้ำตกธารงาม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี

น้ำตกธารงาม สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาอุดรธานี!!

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เที่ยวน้ำตกธารงาม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี 
น้ำตกธารงาม มี ชื่อเต็มว่า วนอุทยานน้ำตกธารงาม อยู่ในเขตป่าขุนห้วยสามพาด-ขุนห้วยกองสี อยู่ในท้องที่ตำบลหนองแสง กิ่งอำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี มีเนื้อที่ประมาณ 78,125 ไร่ โดยกรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2527 ลักษณะสภาพพื้นที่ของวนอุทยานฯ
  เป็นภูเขาสูงชัน และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่ไหลลงสู่ห้วยสามทาก-ห้วยน้ำฆ้องตลอดปี จุดเด่นที่น่าสนใจของที่นี่นั้น ภายในวนอุทยานฯจะมีหน้าผา มีถ้ำที่สวยงาม และมีลานหิน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “แหล” เป็นแหลขนาดใหญ่ เนื้อที่กว้างขวาง มีก้อนหินใหญ่ตั้งวางเรียงรายและซ้อนกันอยู่ และที่จุดนี้เองที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องล่างได้สวยงามและมอง ได้กว้างไกลครับ 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เที่ยวน้ำตกธารงาม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี

เที่ยวน้ำตกธารงาม วนอุทยานน้ำตกธารงาม จ.อุดรธานี

สถานที่ท่องเที่ยวน้ำตกธารงามนี้ จะมีร้านอาหารและที่จอดรถให้ด้วย ต้องบอกก่อนว่าเสียค่าจอดรถแค่ 20 บาทเองครับ ก็สามารถเที่ยวน้ำตกธารงามได้อย่างสบายใจแล้วครับ หน้าทางเข้าน้ำตกจะมีร้านขายส้มตำ ไก่ย่าง ของโปรดพวกเรา พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆอีกเยอะแยะเลยครับ รับรองว่าเที่ยวน้ำตกธารงามแล้ว ได้ทั้งอิ่มท้องและสนุกไปด้วยครับ แต่ถ้ากินก่อนไปเล่นน้ำก็ระวังจะจุกกันนะครับ เดี๋ยวจะเล่นน้ำกันไม่สนุก ถ้าเพื่อนๆนำอาหารหรือเสบียงเข้าไปกินที่น้ำตกธารงามก็ขอให้ช่วยกันรักษา ความสะอาดของที่นี่ด้วยนะครับ จะได้มีน้ำตกสวยๆให้ลูกๆหลานๆ มาเที่ยวน้ำตกที่สวยงามแบบนี้ได้อีก 

ลักษณะ ทั่วไปของน้ำตกธารงาม ซึ่งภูมิประเทศแถวนี้จะเป็นภูเขาสูงชันและเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน โดยแยกตัวเป็นพืดยาวติดต่อกันออกไปทางทิศเหนือ พื้นที่มีความลาดชันสูงและค่อนข้างราบบนสันเขา มีลำธารหลายสายไหลลงสู่ห้วยสามพาด ห้วยน้ำฆ้องและห้วยกองสี เฉพาะที่ห้วยวังกุ่มเป็นป่าทึบและรกชัฏ ทิศใต้ของพื้นที่เป็นลานหินชื่อ “แหลสะอาด” ส่วนอากาศของวนอุทยานน้ำตกธารงาม แบ่งได้ 3 ฤดูครับ คือ ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน ฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม เป็นป่าดงดิบและป่าเต็ง พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ประดู่ นนทรี มะค่าโมง มะค่าแต้ เต็งดง ยาง เต็ง รัง เป็นต้น และไม้พื้นล่างได้แก่ไผ่ต่างๆ หวาย กล้วยไม้เกาะหิน เฟิร์น และต้นข้าวสาร
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เที่ยวน้ำตกธารงาม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี

ไปเล่นน้ำ ที่น้ำตกธารงาม วนอุทยานน้ำตกธารงาม

ส่วน การเดินทางนั้น เพื่อนๆที่มารถยนต์ จะไปวนอุทยานน้ำตกธารงาม อยู่ห่างจากตัวกิ่งอำเภอเพียง 6 กิโลเมตรเศษ เท่านั้นและมีถนนไปถึงวนอุทยานน้ำตกธารงาม 3 เส้นทางดังนี้ครับ
  • เส้นทางอุดร-บ้านเหล่า-โคกลาด-กิ่งอำเภอหนองแสง ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร
  • เส้นทางอุดร-คำกลิ้ง-บ้านตาด-กิ่งอำเภอหนองแสง ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร
  • เส้นทางอุดร-ห้วยเกิ้ง-กิ่งอำเภอหนองแสง ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร